ทิศทางตลาดหุ้นโลก จากผลประชุม Fed และ ECB 2023 ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว
ความเป็นไปได้ที่ Fed (The Federal Reserve System) จะเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงิน ในการประชุม FOMC (Federal Open Market Committee)
ทั้งนี้ การประชุม FOMC (Federal Open Market Committee) คือ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee) ที่ประชุมเพื่อพิจารณานโยบายการเงินของสหรัฐฯ โดยประชุมปีละ 8 ครั้ง และมีการประกาศผลทุกครั้ง ผลการประชุม FOMC เป็นข้อมูลที่สำคัญในการวิเคราะห์แนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดหุ้น โดย FOMC มี 12 สมาชิก ประกอบด้วย 7 สมาชิกของคณะกรรมการผู้บริหารธนาคารกลาง (Board of Governors) และ 5 สมาชิกของธนาคารกลาง (Federal Reserve Bank) ที่มีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียง
Highlight
การประชุม การประชุม FOMC (Federal Open Market Committee) เมื่อ 13-14 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของธนาคารกลางแกนหลักสำคัญของโลกถึง 3 แห่ง คือ Fed (The Federal Reserve System), ECB (The European Central Bank), และ BOJ (Bank of Japan)
ผลการประชุมพบว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่ Fed's Dot Plot (ผลการสำรวจความเห็นของผู้แทน Fed 17 คน โดย 5 คนเป็นคณะกรรมการบริหารของ Fed และอีก 12 คนเป็นผู้แทนจาก Fed ใน 12 เขต ที่มีการจัดทำและเผยแพร่รายไตรมาสพร้อมกับประมาณการเศรษฐกิจของ Fed) ได้สร้างความประหลาดให้แก่นักลงทุนทั่วโลก โดยจะขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้ง ภายในปี 2023 นี้ ซึ่งตลาดคาดไว้เพียง 1 ครั้ง
ด้าน ECB จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นไปตามคาด ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากดีดตัวสู่ระดับสูงที่สุดในรอบ 22 ปี พร้อมทั้งส่งสัญญาณชัดว่าดอกเบี้ยจะมีการปรับขึ้นต่อไปในเดือนกรกฎาคม 2023 ซึ่งถือเป็นการดำเนินนโยบายแบบรับมือกับเศรษฐกิจแบบ กลุ่มที่มีความกังวลเงินเฟ้อจะเร่งตัวในอนาคต (Hawkish) มากที่สุดในบรรดาธนาคารกลาง 3 แห่ง
ด้าน BOJ ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% แต่ตลาดคาดเดาว่า หากเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง BOJ อาจเสนอแนวนโยบายใหม่เพื่อทำให้ค่าเงินกลับมาเป็นแข็งค่า ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงต่อตลาดหุ้น
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ Feb และ ECB ได้สะท้อนมุมมองว่าภาวะเงินเฟ้อยังเป็นประเด็นหลักที่ทำให้ Fed ยังไม่มีแผนพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็วๆนี้
สำหรับ ทิศทางตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย มีความเคลื่อนไหวดังนี้
- ตลาดหุ้นเวียดนามปรับขึ้น 10% YTD เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และมีปัจจัยสนับสนุน เติบโตในระยะยาว
- ตลาดหุ้นไทย แม้ปรับตัวขึ้นตามตลาดโลก แต่ยังถูกเทขายจากปัจจัยการเมืองในประเทศ
- ตลาดจีน มีการลงทุนเพิ่มขึ้นจากปัจจัยบวกที่มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุม Covid-19 เพิ่มขึ้น และการหันมาเน้นสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจมากขึ้น จึงเชื่อว่าจีนจะสามารถเปิดประเทศได้ในไตรมาส 2/23 ตามเป้าหมาย
//-----//
Further Reading:
- CME FedWatch Tool - CME Group
- Fed and ECB to set rates as banking turmoil mounts | Financial Times (ft.com)
- What Is the Fed’s Dot Plot and Why Does It Matter? - The Washington Post
- Dovish กับ Hawkish คืออะไร? มีผลกับ Fund Flow อย่างไร? - FINNOMENA